ส่งบทความถึงคุณทางอีเมล (Email Subscription)
Smile of Life Chat
List Blog of Fahsai Family
วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คุณค่าของตัวเรา
ในท่ามกลางความมืดมิดแสงสว่างจากตัวเราจะเจิดจรัสเสมอ!
วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
สุภาษิตสอนใจ "ภรรยา 4 คน"
ชายคนหนึ่งมีภรรยา อยู่ 4 คน
* ภรรยาคนที่ 1 เขารักที่สุด ไปไหนมาไหนด้วยกัน ตามใจตลอดอยากได้อะไร เขาหาให้ทุกอย่าง
* ภรรยาคนที่ 2 เขารักมาก เขาจะทำทุกสิ่ง ทุกอย่างเพื่อภรรยาคนนี้ และจะไปหาภรรยาคนนี้เสมอ
* ภรรยาคนที่ 3 เขารักรองลงมา ดูแลเอาใจใส่พอควร แวะไปหาบางเป็นครั้งคราว
* ภรรยาคนที่ 4 เขาไม่เคยสนใจ ไม่เคยดูแลเอาใจใส่ ไม่เคยไปหา ไม่คิดถึงเลย ด้วยซ้ำ
ต่อมาชาย คนนี้ไปกระทำความผิดร้ายแรงและถูกจับ ต้องถูกประหารชีวิต ก่อนที่จะถูกประหาร เขาขอร้องว่า เขาขอกลับบ้าน เพื่อไปร่ำลาภรรยาสุดที่รักซักครั้ง ผู้คุมเห็นใจจึงอนุญาตเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขารีบตรงไปหาภรรยาคนที่ 1 เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง และถามภรรยา คน ที่ 1 ว่า
" ถ้าเขาต้องตายภรรยาคนที่ 1 จะทำอย่าง ไร? "
* ภรรยาคนที่ 1 ตอบน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ถ้าเธอตาย เราก็จบกัน”
คำตอบที่ได้รับ เหมือนสายฟ้าที่ผ่าเปรี้ยง!! ลงมาที่เขาอย่างจัง เขารู้สึกเจ็บปวด และเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
นึกเสียดาย ว่าเขาไม่ควรทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เลย จากนั้นเขาก็ ไปหา ภรรยาคนที่ 2 ด้วยอาการเศร้าโศก เล่า เรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง และถามคำถามเดิมกับภรรยาคนที่ 2 ว่า
" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 2 จะทำอย่างไร? "
* ภรรยาคนที่ 2 ก็ ตอบอย่างหน้าตาเฉย ว่า "ถ้าเธอตาย ฉันจะมีใหม่ "
เหมือนสายฟ้า!! ผ่าลงมาซ้ำที่เขา อย่างจัง เขารู้สึกเสียใจมาก และนึกเสียดายว่าที่ผ่านมาเขาไม่ควร ทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เช่นกัน เขาเดินคอตกมาหาภรรยาคนที่ 3 เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง และถาม ภรรยา คนที่ 3 ว่า
"ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 3 จะทำอย่างไร? "
* ภรรยาคนที่ 3 ตอบว่า "ถ้าเธอตาย ฉันจะไปส่ง "
ทำให้เขาคลายความ เศร้าโศกขึ้นมาได้บ้างอย่างน้อยก็ ยังมีภรรยาที่จริงใจกับเขาก่อนกลับไปรับโทษ เขานึกขึ้นมาได้ว่ามีภรรยาอีกคน ซึ่งไม่เคยไปหาเลย จึงไปหา ภรรยาคนที่ 4 และถามว่า
" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคนที่ 4 จะทำอย่าง ไร?"
* ภรรยาคนที่ 4 ตอบว่า " ถ้าเธอตาย ฉันจะตามไป ด้วย "
แทนที่เขาจะดีใจกลับนึกเสียใจหนักขึ้นไปอีก เพราะ...มัน สายเกินไปเสียแล้ว ช่วงที่เขามีชีวิตอยู่เขาไม่เคยเห็นค่าของภรรยาคนนี้ แต่ภรรยาคนนี้ไม่คิดที่จะทิ้งเขา จะติดตามเขาไปอยู่ด้วย แล้วชายคนนี้ก็กลับไปรับโทษประหาร และเมื่อเขาตาย ภรรยาคนที่ 4 ก็ตายตามไป ด้วย...เราทุกคนก็ มีภรรยา 4 คน
"มีคำถามว่า ภรรยาทั้ง 4 คนเป็นใคร?"
ทีนี้เรามาดูกันว่า ภรรยาคน ที่ 1, 2, 3 และ 4 เป็นใครกันบ้าง
*ภรรยาคน ที่ 1 ร่างกายของเรา เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่เราจะบำรุงบำเรอด้วยสิ่งต่างๆอยากได้อะไรก็หาให้ แต่พอเราตายมันกลับไม่ไปกับเรา เมื่อเราตาย ร่างกายมันก็มีค่าเท่ากับท่อนไม้ ท่อนหนึ่งเท่านั้น
*ภรรยาคน ที่ 2 ทรัพย์สมบัติ เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่ เราจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มันมา แต่พอเราตาย มันกลับไม่ไปกับเรา แต่ไปเป็นของคนอื่น
*ภรรยาคนที่ 3 พ่อแม่ ลูกเมีย ญาติ พี่น้อง เพราะพอเราตาย เขาจะทำศพให้เรา ทำบุญไปให้ แปลว่า เขาแค่ไปส่งเราเท่านั้น
*ภรรยาคนที่ 4 บุญกับบาป เมื่อเราตายไป เราไม่สามารถเอาอะไรไปด้วยได้ มีเพียงแค่บุญกับบาปเท่านั้น ที่จะตามเราไป ......
* ภรรยาคนที่ 1 เขารักที่สุด ไปไหนมาไหนด้วยกัน ตามใจตลอดอยากได้อะไร เขาหาให้ทุกอย่าง
* ภรรยาคนที่ 2 เขารักมาก เขาจะทำทุกสิ่ง ทุกอย่างเพื่อภรรยาคนนี้ และจะไปหาภรรยาคนนี้เสมอ
* ภรรยาคนที่ 3 เขารักรองลงมา ดูแลเอาใจใส่พอควร แวะไปหาบางเป็นครั้งคราว
* ภรรยาคนที่ 4 เขาไม่เคยสนใจ ไม่เคยดูแลเอาใจใส่ ไม่เคยไปหา ไม่คิดถึงเลย ด้วยซ้ำ
ต่อมาชาย คนนี้ไปกระทำความผิดร้ายแรงและถูกจับ ต้องถูกประหารชีวิต ก่อนที่จะถูกประหาร เขาขอร้องว่า เขาขอกลับบ้าน เพื่อไปร่ำลาภรรยาสุดที่รักซักครั้ง ผู้คุมเห็นใจจึงอนุญาตเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขารีบตรงไปหาภรรยาคนที่ 1 เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง และถามภรรยา คน ที่ 1 ว่า
" ถ้าเขาต้องตายภรรยาคนที่ 1 จะทำอย่าง ไร? "
* ภรรยาคนที่ 1 ตอบน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ถ้าเธอตาย เราก็จบกัน”
คำตอบที่ได้รับ เหมือนสายฟ้าที่ผ่าเปรี้ยง!! ลงมาที่เขาอย่างจัง เขารู้สึกเจ็บปวด และเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
นึกเสียดาย ว่าเขาไม่ควรทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เลย จากนั้นเขาก็ ไปหา ภรรยาคนที่ 2 ด้วยอาการเศร้าโศก เล่า เรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง และถามคำถามเดิมกับภรรยาคนที่ 2 ว่า
" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 2 จะทำอย่างไร? "
* ภรรยาคนที่ 2 ก็ ตอบอย่างหน้าตาเฉย ว่า "ถ้าเธอตาย ฉันจะมีใหม่ "
เหมือนสายฟ้า!! ผ่าลงมาซ้ำที่เขา อย่างจัง เขารู้สึกเสียใจมาก และนึกเสียดายว่าที่ผ่านมาเขาไม่ควร ทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เช่นกัน เขาเดินคอตกมาหาภรรยาคนที่ 3 เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง และถาม ภรรยา คนที่ 3 ว่า
"ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 3 จะทำอย่างไร? "
* ภรรยาคนที่ 3 ตอบว่า "ถ้าเธอตาย ฉันจะไปส่ง "
ทำให้เขาคลายความ เศร้าโศกขึ้นมาได้บ้างอย่างน้อยก็ ยังมีภรรยาที่จริงใจกับเขาก่อนกลับไปรับโทษ เขานึกขึ้นมาได้ว่ามีภรรยาอีกคน ซึ่งไม่เคยไปหาเลย จึงไปหา ภรรยาคนที่ 4 และถามว่า
" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคนที่ 4 จะทำอย่าง ไร?"
* ภรรยาคนที่ 4 ตอบว่า " ถ้าเธอตาย ฉันจะตามไป ด้วย "
แทนที่เขาจะดีใจกลับนึกเสียใจหนักขึ้นไปอีก เพราะ...มัน สายเกินไปเสียแล้ว ช่วงที่เขามีชีวิตอยู่เขาไม่เคยเห็นค่าของภรรยาคนนี้ แต่ภรรยาคนนี้ไม่คิดที่จะทิ้งเขา จะติดตามเขาไปอยู่ด้วย แล้วชายคนนี้ก็กลับไปรับโทษประหาร และเมื่อเขาตาย ภรรยาคนที่ 4 ก็ตายตามไป ด้วย...เราทุกคนก็ มีภรรยา 4 คน
"มีคำถามว่า ภรรยาทั้ง 4 คนเป็นใคร?"
ทีนี้เรามาดูกันว่า ภรรยาคน ที่ 1, 2, 3 และ 4 เป็นใครกันบ้าง
*ภรรยาคน ที่ 1 ร่างกายของเรา เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่เราจะบำรุงบำเรอด้วยสิ่งต่างๆอยากได้อะไรก็หาให้ แต่พอเราตายมันกลับไม่ไปกับเรา เมื่อเราตาย ร่างกายมันก็มีค่าเท่ากับท่อนไม้ ท่อนหนึ่งเท่านั้น
*ภรรยาคน ที่ 2 ทรัพย์สมบัติ เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่ เราจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มันมา แต่พอเราตาย มันกลับไม่ไปกับเรา แต่ไปเป็นของคนอื่น
*ภรรยาคนที่ 3 พ่อแม่ ลูกเมีย ญาติ พี่น้อง เพราะพอเราตาย เขาจะทำศพให้เรา ทำบุญไปให้ แปลว่า เขาแค่ไปส่งเราเท่านั้น
*ภรรยาคนที่ 4 บุญกับบาป เมื่อเราตายไป เราไม่สามารถเอาอะไรไปด้วยได้ มีเพียงแค่บุญกับบาปเท่านั้น ที่จะตามเราไป ......
นิทานจีนโบราณเรื่อง " ถังน้ำ 2 ใบ "
ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา หลังจากเวลา 2 ปี ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า ' ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้า
ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทางที่กลับไปยังบ้านของท่าน ' คนตักน้ำตอบว่า ' เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่ง เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่ ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้าและทุกวันที่เราเดินกลับ ... เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว ... เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้ ' คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้ สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง
"ทุกสิ่งไม่ได้มีเพียงด้านเดียวเสมอ จงมองโลกในหลายๆ ด้าน เพราะคนเรานั้นล้วนมีข้อบกพร่องด้วยกันทุกคน "
ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทางที่กลับไปยังบ้านของท่าน ' คนตักน้ำตอบว่า ' เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่ง เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่ ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้าและทุกวันที่เราเดินกลับ ... เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว ... เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้ ' คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้ สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง
"ทุกสิ่งไม่ได้มีเพียงด้านเดียวเสมอ จงมองโลกในหลายๆ ด้าน เพราะคนเรานั้นล้วนมีข้อบกพร่องด้วยกันทุกคน "
วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
นิสัย 7 อย่างของผู้ประสบความสำเร็จ
ตัวอย่างเช่น บิลล์เกตส์
1.มีความรับผิดชอบต่อเป้าหมายของตัวเอง เราต้องเลือกในสิ่งที่เราชอบที่เราถนัด พัฒนาตนเอง และตั้งใจทำมันจริงๆมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราสนใจอยู่เพราะสิ่งนี้สามารถจะผลักดันให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จได้
2.เป็นคนที่เริ่มต้นด้วยจุดสุดท้ายคือ ก่อนจะทำอะไรคุณจะต้องมองให้เห็นถึงภาพผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณได้ทำสิ่งนั้นลงไปแล้วได้นั่นคือการมีวิสัยทัศน์มองสิ่งต่างๆอย่างมีเหตุมีผล มีข้อมูลประกอบ..สิ่งนี้ช่วยให้คุณประเมินสิ่งต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.ชอบจัดลำดับความสำคัญของงาน แล้วทำทันทีเราต้องวางแผนว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่มีผลต่อชีวิตของคุณและอะไรที่ไม่สำคัญ เราไม่ควรเสียเวลากับสิ่งเหล่านั้น เลือกทำงานที่สำคัญที่มีผลต่อชีวิตของคุณก่อน..
4.ชอบคิดแบบ "Win-Winไม่มีใครอยากเสียเปรียบในขณะที่คุณได้เปรียบ พยายามหาทางออกให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
5.ไม่กลัวการผิดพลาด แต่เรียนรู้จากข้อผิดพลาด และแก้ไขการผิดพลาด..การล้มเหลว..เป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาดเมื่อผิดพลาด..ผู้ที่ประสบความสำเร็จก็จะคิดว่าเป็นเรื่องปกติเรียนรู้จากข้อผิดพลาด และนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาปรับปรุงพัฒนาตนเองไม่แก้ตัว แต่แก้ไข แล้วชีวิตของคุณก็จะเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น
6.ต้องมีนิสัยเปิดใจรับฟังผู้อื่น..ในสิ่งที่คุณไม่รู้..สิ่งที่สร้างสรรค์เพราะคุณไม่ใช่คนที่คิดได้ดีที่สุดเสมอไปซะทุกเรื่อง จงยอมรับมันซะ มันเป็นเรื่องจริงแล้วจะให้ทำไง..ก็แค่เปิดใจเรียนรู้..จากคนอื่นในสิ่งที่คุณไม่รู้..เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเองเพราะบางครั้งคนอื่นก็เสนอแนวคิดได้ดี และถูกต้องมากกว่าคุณ..มันเป็นเรื่องธรรมดา
7.พัฒนาความรู้และทักษะของคุณให้อยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญการมีความรู้..และทักษะแบบงูๆปลาๆ..ไม่ได้ช่วยอะไรคุณซักเท่าไหร่
“ความสำเร็จนั้น..พระเจ้ามอบให้กับทุกๆคนแล้วขึ้นอยู่ว่าคุณอยากได้หรือไม่...?
1.มีความรับผิดชอบต่อเป้าหมายของตัวเอง เราต้องเลือกในสิ่งที่เราชอบที่เราถนัด พัฒนาตนเอง และตั้งใจทำมันจริงๆมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราสนใจอยู่เพราะสิ่งนี้สามารถจะผลักดันให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จได้
2.เป็นคนที่เริ่มต้นด้วยจุดสุดท้ายคือ ก่อนจะทำอะไรคุณจะต้องมองให้เห็นถึงภาพผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณได้ทำสิ่งนั้นลงไปแล้วได้นั่นคือการมีวิสัยทัศน์มองสิ่งต่างๆอย่างมีเหตุมีผล มีข้อมูลประกอบ..สิ่งนี้ช่วยให้คุณประเมินสิ่งต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.ชอบจัดลำดับความสำคัญของงาน แล้วทำทันทีเราต้องวางแผนว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่มีผลต่อชีวิตของคุณและอะไรที่ไม่สำคัญ เราไม่ควรเสียเวลากับสิ่งเหล่านั้น เลือกทำงานที่สำคัญที่มีผลต่อชีวิตของคุณก่อน..
4.ชอบคิดแบบ "Win-Winไม่มีใครอยากเสียเปรียบในขณะที่คุณได้เปรียบ พยายามหาทางออกให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
5.ไม่กลัวการผิดพลาด แต่เรียนรู้จากข้อผิดพลาด และแก้ไขการผิดพลาด..การล้มเหลว..เป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาดเมื่อผิดพลาด..ผู้ที่ประสบความสำเร็จก็จะคิดว่าเป็นเรื่องปกติเรียนรู้จากข้อผิดพลาด และนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาปรับปรุงพัฒนาตนเองไม่แก้ตัว แต่แก้ไข แล้วชีวิตของคุณก็จะเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น
6.ต้องมีนิสัยเปิดใจรับฟังผู้อื่น..ในสิ่งที่คุณไม่รู้..สิ่งที่สร้างสรรค์เพราะคุณไม่ใช่คนที่คิดได้ดีที่สุดเสมอไปซะทุกเรื่อง จงยอมรับมันซะ มันเป็นเรื่องจริงแล้วจะให้ทำไง..ก็แค่เปิดใจเรียนรู้..จากคนอื่นในสิ่งที่คุณไม่รู้..เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเองเพราะบางครั้งคนอื่นก็เสนอแนวคิดได้ดี และถูกต้องมากกว่าคุณ..มันเป็นเรื่องธรรมดา
7.พัฒนาความรู้และทักษะของคุณให้อยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญการมีความรู้..และทักษะแบบงูๆปลาๆ..ไม่ได้ช่วยอะไรคุณซักเท่าไหร่
“ความสำเร็จนั้น..พระเจ้ามอบให้กับทุกๆคนแล้วขึ้นอยู่ว่าคุณอยากได้หรือไม่...?
วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553
"แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป"
แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป (This too shall pass)
ในอดีตมีพระราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักร ฮีบรูพระนามว่าโซโลมอน พระราชาได้สั่งให้เจ้าเมืองทุกเมืองทำของวิเศษให้อย่างหนึ่งโดยของสิ่งนั้นต้องมีคุณสมบัติพิเศษคือ...ของสิ่งนี้ จะสามารถเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกของพระราชาได้ "หากมีความทุกข์อยู่ก็จะหายจากทุกข์ หากมีความสุขอยู่ก็จะคลายความสุขลง ไม่ว่ากำลังร้องไห้อยู่หรือหัวเราะอยู่ก็จะสามารถหยุดอารมณ์ทั้งสองอย่างนั้นได้"
เมื่อครบกำหนด เจ้าเมืองใหญ่เมืองใด ๆ ก็ไม่สามารถหาของตามที่พระราชาต้องการได้ แต่มีเจ้าเมืองเล็ก ๆ อยู่เมืองหนึ่งได้บอกว่ามีแหวนวิเศษมีคุณสมบัติอย่างที่พระราชาต้องการมาถวาย พระราชาจึงรีบให้มาเข้าเฝ้า เมื่อพระราชาได้เห็นแหวนวงนั้นแล้ว ปรากฏว่าเป็นเพียง แหวนทองธรรมดาเรียบ ๆ วงหนึ่ง พระราชาก็สงสัยว่าแหวนนี้จะมีความวิเศษได้อย่างไรกันเมื่อพระราชานำไปใช้ก็ปรากฏว่าแหวนวงนี้ สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของพระองค์ได้จริง ๆ ไม่ว่าพระองค์จะกำลังมีความสุขอยู่ก็ตาม เพียงเพราะแหวนนั้นมีข้อความสั้นสลักไว้ว่า "แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป"
ยามใดที่พระราชามีความสุข ความยินดีหรือมีความทุกข์ ความโกรธ ความกังวลไม่สบายใจใด ๆ ก็ตาม เมื่อมองไปที่แหวนนี้ซึ่งเตือนสติพระองค์ว่า "แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป" ทำให้พระองค์เข้าใจว่าสิ่งที่พระองค์กำลังประสบอยู่ไม่ว่าสุขไม่ว่าทุกข์มันไม่จีรังยั่งยืน เกิดขึ้นมาแล้วก็จากไป นับตั้งแต่นั้นมาพระราชาก็ไม่คิดที่จะนำความทุกข์มาเป็นกังวล มีความสุขก็ไม่ได้ยึดติดกับความสุขนั้น ทำให้พระราชาสามารถตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อประชาชนของพระองค์จนได้ขื่อว่าเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นที่รักใคร่ของประชาชน
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องประสบกับโลกธรรม 8 คือได้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็ต้องมีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์เป็นธรรดาหากเราสามารถเตือนสติตนเองได้ว่า "แล้วสิ่งนั้นจะผ่นพ้นไป" ก็จะช่วยให้เราทำใจเป็นกลางทำใจเป็นปกติได้ เมื่อความรู้สึกต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น หงุดหงิด โกรธ น้อยใจ เสียใจ ขี้เกียจ วิตกกังวล หรือมีความรู้สึกตื่นเต้น ยินดีพอใจก็ตามให้เรามีสติ ปรับปรุงลมหายใจยาวๆ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ให้เกิดความรู้สึกตัว รักษาใจเป็นกลางๆ ทำใจสงบและทำใจปล่อยวางว่า “แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป” เมื่อมีทุกข์ ทุกข์นั้นไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนำความทุกข์นั้นมาเป็นกังวล เมื่อมีสุข สุขนั้นก็ไม่จีรังยั่งยืนเช่นกัน เราไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง
จากหนังสือ โชคดี
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
ในอดีตมีพระราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักร ฮีบรูพระนามว่าโซโลมอน พระราชาได้สั่งให้เจ้าเมืองทุกเมืองทำของวิเศษให้อย่างหนึ่งโดยของสิ่งนั้นต้องมีคุณสมบัติพิเศษคือ...ของสิ่งนี้ จะสามารถเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกของพระราชาได้ "หากมีความทุกข์อยู่ก็จะหายจากทุกข์ หากมีความสุขอยู่ก็จะคลายความสุขลง ไม่ว่ากำลังร้องไห้อยู่หรือหัวเราะอยู่ก็จะสามารถหยุดอารมณ์ทั้งสองอย่างนั้นได้"
เมื่อครบกำหนด เจ้าเมืองใหญ่เมืองใด ๆ ก็ไม่สามารถหาของตามที่พระราชาต้องการได้ แต่มีเจ้าเมืองเล็ก ๆ อยู่เมืองหนึ่งได้บอกว่ามีแหวนวิเศษมีคุณสมบัติอย่างที่พระราชาต้องการมาถวาย พระราชาจึงรีบให้มาเข้าเฝ้า เมื่อพระราชาได้เห็นแหวนวงนั้นแล้ว ปรากฏว่าเป็นเพียง แหวนทองธรรมดาเรียบ ๆ วงหนึ่ง พระราชาก็สงสัยว่าแหวนนี้จะมีความวิเศษได้อย่างไรกันเมื่อพระราชานำไปใช้ก็ปรากฏว่าแหวนวงนี้ สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของพระองค์ได้จริง ๆ ไม่ว่าพระองค์จะกำลังมีความสุขอยู่ก็ตาม เพียงเพราะแหวนนั้นมีข้อความสั้นสลักไว้ว่า "แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป"
ยามใดที่พระราชามีความสุข ความยินดีหรือมีความทุกข์ ความโกรธ ความกังวลไม่สบายใจใด ๆ ก็ตาม เมื่อมองไปที่แหวนนี้ซึ่งเตือนสติพระองค์ว่า "แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป" ทำให้พระองค์เข้าใจว่าสิ่งที่พระองค์กำลังประสบอยู่ไม่ว่าสุขไม่ว่าทุกข์มันไม่จีรังยั่งยืน เกิดขึ้นมาแล้วก็จากไป นับตั้งแต่นั้นมาพระราชาก็ไม่คิดที่จะนำความทุกข์มาเป็นกังวล มีความสุขก็ไม่ได้ยึดติดกับความสุขนั้น ทำให้พระราชาสามารถตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อประชาชนของพระองค์จนได้ขื่อว่าเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นที่รักใคร่ของประชาชน
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องประสบกับโลกธรรม 8 คือได้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็ต้องมีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์เป็นธรรดาหากเราสามารถเตือนสติตนเองได้ว่า "แล้วสิ่งนั้นจะผ่นพ้นไป" ก็จะช่วยให้เราทำใจเป็นกลางทำใจเป็นปกติได้ เมื่อความรู้สึกต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น หงุดหงิด โกรธ น้อยใจ เสียใจ ขี้เกียจ วิตกกังวล หรือมีความรู้สึกตื่นเต้น ยินดีพอใจก็ตามให้เรามีสติ ปรับปรุงลมหายใจยาวๆ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ให้เกิดความรู้สึกตัว รักษาใจเป็นกลางๆ ทำใจสงบและทำใจปล่อยวางว่า “แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป” เมื่อมีทุกข์ ทุกข์นั้นไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนำความทุกข์นั้นมาเป็นกังวล เมื่อมีสุข สุขนั้นก็ไม่จีรังยั่งยืนเช่นกัน เราไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง
จากหนังสือ โชคดี
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
ผู้ที่จะประสบความสำเร็จได้
* ชีวิตเรา เราจงเป็นผู้ลิขิตเอง
* ต้องมีเป้าหมายชีวิต
* ต้องมีศรัทธา
* เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
* คิดอย่างจักรพรรดิ คุณจะเป็นจักรพรรดิ
* ต้องเชื่อมั่นว่าทำได้ แล้วคุณจะทำได้
* อย่าให้ใครทำลายกำลังใจรวมทั้งตัวคุณ
* ท้อได้แต่อย่าถอย
* ยืนหยัดสู้ความจริง แต่จงทิ้งความกลัว
* ชีวิตนี้ไม่มีทางตันมีแต่ทางออก
* ต้องมีเป้าหมายชีวิต
* ต้องมีศรัทธา
* เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
* คิดอย่างจักรพรรดิ คุณจะเป็นจักรพรรดิ
* ต้องเชื่อมั่นว่าทำได้ แล้วคุณจะทำได้
* อย่าให้ใครทำลายกำลังใจรวมทั้งตัวคุณ
* ท้อได้แต่อย่าถอย
* ก้าวข้ามความล้มเหลว
* ล้มแล้วลุก สู้แล้วรวย
* ทำให้ดีที่สุดในแบบฉบับบของคุณเอง
* เลิกที่จะอ่อนแอ แต่กล้าที่จะฝัน* ยืนหยัดสู้ความจริง แต่จงทิ้งความกลัว
* ชีวิตนี้ไม่มีทางตันมีแต่ทางออก
* ความเก่งสร้างเองได้ มิได้มีตั้งแต่เกิด
วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ถอดรหัสความคิด
-เราอาจมีลมหายใจเพื่อตัวเองมากว่า20 ปีหรือมากกว่านั้น หากวันวาน วันนี้ หรือแม้แต่วันพรุ่งนี้ที่ยังมาไม่ถึง ทุกลมหายใจของพ่อแม่ล้วนมีแต่เพื่อเราเสมอมา แล้วเมื่อไรที่ลมหายใจของเราจะมีเพื่อท่านบ้าง
-คนส่วนใหญ่ล้วนมีเป้าหมายของชีวิต บางคนทราบดีว่าฝั่งฝันของตัวเองคืออไร แต่คำถามคือ "สิ่งที่เราทำอยู่ในขณะนี้เป็นการพายเรือเข้าหาฝั่งหรือย่ำ"
-คนส่วนใหญ่ล้วนมีเป้าหมายของชีวิต บางคนทราบดีว่าฝั่งฝันของตัวเองคืออไร แต่คำถามคือ "สิ่งที่เราทำอยู่ในขณะนี้เป็นการพายเรือเข้าหาฝั่งหรือย่ำ"
วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เป้าหมายของการเปลี่ยนความคิด
สร้างความกระตือรือร้น
มีมุมมองทัศนคติด้านบวกและสร้างสรรค์
สร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อตัวเองและผู้อื่น
Smile Of Life
มีมุมมองทัศนคติด้านบวกและสร้างสรรค์
สร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อตัวเองและผู้อื่น
Smile Of Life
เพื่อชีวิตที่มีคุณค่า
เพียงคุณเปลี่ยนความคิด ชีวิตคุณก็จะเปลี่ยน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)